ในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “การได้อัตภาพเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก” แต่ในสมัยนี้ โลกที่คลาคล่ำไปด้วยมนุษย์ และกระแสวัตถุนิยมที่ไหลบ่าอย่างบ้าคลั่งทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ส่งเสียงโอดครวญว่า การใช้ชีวิตนั้นยากกว่า ท่ามกลางกระแส How-to สร้างความมั่งคั่ง ความสำเร็จในชีวิต และการบูมอย่างขีดสุดของเทรนการพัฒนาศักยภาพของสมองเพื่อสร้างแนวคิดดึงดูดความบริบูรณ์ หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวที่ตีฝ่ากระแสวงล้อมแห่งกระแสกิน กาม เกียรติ และเผยความลับของจักรวาล การมีอยู่ของกิเลส และการทำงานของจิตยิ่งกว่านั้น คือการถอดรหัสการทำงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนในการต่อสู้กับพลังแห่งความมืดบอด จากระดับพลังงานที่มองไม่เห็นสู่มิติที่เป็นรูปธรรมในโลกมนุษย์ โดยท่านผู้เขียนในฐานะวิปัสสนาจารย์สายเตโชวิปัสสนา ได้จรดปากกาบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดจากการรู้แจ้ง อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเข้มข้นติดต่อกันเกือบ 20,000 ชั่วโมง คัมภีร์การใช้ชีวิตให้เป็นผู้อยู่เหนือโลกเล่มนี้ จะมาเผยให้เราเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ทุกการกระทำที่แม้บางเรื่องดูผิวเผินไม่สลักสำคัญอะไร มีนัยยะสำคัญในระดับพลังงาน เป็นภาพสะท้อนของความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง ของกายและจิตมากกว่าที่เข้าใจหรืออ่านกันมากนัก การแห่บูชาเทพและพญานาค การรับขันธ์ การสักยันต์ แม้กระทั่งอาถรรพ์ความสัมพันธ์ 7 ปี ไปจนถึงอธิบายการหลุดพ้นในเชิงวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับสนามพลังงานและคลื่นอินเทอร์เน็ต และมีบทพิสูจน์ให้เห็นว่า ฆราวาสบรรลุธรรมได้ แม้จะอยู่ในฐานะนักวิทยศาสตร์ที่ดูจะไกลจากเรื่องราวธรรมะ คัมภีร์ธรรมอันเอกอุ แห่งกึ่งพุทธกาล เล่มนี้ จะทำให้ผู้อ่านเกิดการตระหนักรู้ในคุณค่าของความเป็นมนุษย์และการมี 'วาสนา' ยิ่งของตนเอง เพื่อการออกเดินทาง สู่อิสรภาพอันนิรันดร์ หนังสือเผยเรื่องราวของพุทธทำนายในกึ่งพุทธกาล อันมีองค์พญาธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้พระธรรมเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่ง รวมถึงจุดจบของพระพุทธศาสนาในพุทธศักราชที่ 5000 จะเป็นอย่างไร หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ