ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า จากความตั้งใจแรกที่อยากทำงานเพื่อหาเงินไปเรียนต่อ จะกลายมาเป็นเส้นทางธุรกิจที่ต่อเนื่องยาวนานมาจนครบ 50 ปี ในวันนี้ การเดินทางจากจุดที่ชีวิตติดลบถึงขั้นไม่มีเงินที่จะซื้อข้าวกิน ทั้งยังประสบกับสภาวะบ้านแตกต้องแบกรับภาระดูแลน้องๆ และหลานๆ รวม 30 กว่าคน และกว่าที่จะสร้างอมตะให้เป็นอมตะได้ ในวันนี้ ต้องฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคที่ยากเย็นแสนเข็ญจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่ด้วยความมุ่งมั่น อดทน ในเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ทำให้ก้าวเดินมาจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตครอบครัวและธุรกิจการงานในปัจจุบันนี้ผมไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา ไม่เชื่อเรื่องโชคดี หรือโชคร้าย แต่ผมเชื่อว่าหากคนเราเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และนำไปปรับใช้เป็นแผนที่ เป็นเข็มทิศ จะช่วยให้เดินไป ในทิศทางที่ถูกต้องได้ง่าย ปลอดภัย และเป็นการย่นระยะทางสู่ความสำเร็จในอนาคต ซึ่งหากการเดินทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิตของคนเราใช้ต้นทุนที่ไม่สูง และมีความเสี่ยงไม่มาก ก็ถือเป็นการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าอีกทางหนึ่งด้วย ลองหันไปดูประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วแต่มีประชากรที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว และการงานแทบทั้งสิ้นวันนี้ผมมีความสุขเหลือเกินเวลาที่ได้พบปะแฟนคลับ ทั้งในงานวงการธุรกิจหรืองานสังคมต่างๆ และได้ยินที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นบอกเล่าถึงความรู้สึกและประโยชน์ของหนังสือที่ผมเคยเขียน ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตการงานต่างๆ ทำให้ผมอยากจะเขียนหนังสือต่อไปเรื่อยๆผมขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านที่ได้อ่านหนังสือ “ฝัน 50 ปี” เล่มนี้แล้ว ได้มีภูมิคุ้มกัน มีพลังแห่งความเชื่อมั่นในเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจไว้ สามารถนำประสบการณ์ 50 ปีที่ผ่านมาและวิสัยทัศน์ที่ผมมองอนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า ไปปรับใช้เป็นแนวทางเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว หวังว่าท่านจะแบ่งปันทั้งความรู้และทรัพย์สินที่ตนเองมีเหลือใช้แล้วให้กับผู้อื่น โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคนสัญชาติไหนหรือประเทศใดด้วยเช่นกัน